Gundam Frame ชื่อเรียก MS รุ่นพิเศษ72เครื่องที่ใช้ชื่อตาม
ปีศาจ72ตนจากคัมภีร์ของโซโลมอน ที่Gjallarhorn ผลิตออกมาใช้ในสงคราม
Calamity War เมื่อ 300 ปีก่อน เป็น MSที่มีกำลังเครื่องมากกว่าปกติทั่วไปเนื่องจากติดตั้งเตา
อาฮับรีแอคเตอร์ถึง2ตัว แต่ในทางกลับกันมันก็สร้างภาระให้กับนักบินเนื่องจากกำลังขับที่สูงเกิน
แต่ด้วยระบบควบคุมแรงเฉื่อยซึ่งใช้อาณุภาคที่อาฮับรีแอคเตอร์ปล่อยออกมาเป็นตัวลดภาระของนักบินลง
คอกพิทจึงติดตั้งใกล้กับอาฮับรีแอคเตอร์ และด้วยระบบเฟรมที่เปลี่ยนเกราะภายนอกได้ตามใจชอบทำให้ Gundam Frame สามารถปรับอุปกรณ์ได้ตามความเหมาะสม
ปัจจุบันทั้ง72เครื่องนั้นส่วนใหญ่หายไปตามกาลเวลา บ้างก็อยู่ในมือของ Gjallahorn
บ้างก็ถูกแยกส่วนขายทอดตลาด
บ้างก็กลายเป็นของโจรไป
Barbatos เป็น1ใน72เครื่องที่ถูกทิ้งไว้ที่ดาวอังคาร ถูกค้นพบโดย Maruba Arkay แต่เนื่องจากไม่มีคอกพิท
จึงถูกนำมาใช้เป็นเตาพลังงานให้กับฐานของบริษัททหารรับจ้าง Chryse Guard
Security (CGS) จนกระทั่งมีการติดตั้งคอกพิทแบบ เดียวกับ Mobile Worker ของ CGS
ที่มีระบบ
Alaya-Vijnana ให้ มิคาซึกิ นำมาใช้ปกป้องเพื่อนๆ แต่ด้วยระยะเวลาผ่านมายาวนาน
สมรรถภาพทั้งเครื่องยนต์และเกราะเสื่อมถอยทำให้ไม่สามารถใช้สมรรถนะดั้งเดิมได้ จนกระทั่งทีมวิศวกรของ
Teiwaz ได้ทำการซ่อมแซมยกเครื่องใหม่จนมีรูปลักษณ์และประสิทธิภาพเกือบเท่าเดิม
ทีมวิศวกรของ Teiwaz ได้มีการออกแบบเกราะและปรับปรุงโครงใหม่ให้ Barbatos
แต่ทว่าด้วยความเร่งรีบใช้งาน
จึงไม่ทันได้เสนอแผนปรับปรุง เพราะต้องหาชิ้นส่วนจำนวนมาก
การออกแบบนั้นใช้ดีไซน์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ทาง Teiwaz นิยม ผสมผสานกับGundam
Frame ออกมาเป็น Barbatos Blood Demon ที่เน้นกำลังขับจากบูสเตอร์ที่ติดตั้งเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
รวมไปถึง เกราะไหล่ติดตั้งบูสเตอร์ที่สามารถปรับมุมเปลี่ยนทิศทางได้ฉับพลัน
อาวุธหลักติดตั้งง้าวขนาดใหญ่ เน้นทุบทำลาย เนื่องจากเกราะของMSเป็นเกราะ
Nano Laminate ซึ่งทนต่อแรงปะทะกระสุนปกติจึงไม่สามารถเจาะเกราะได้ง่ายๆ
การฟาดหรือทุบด้วยอาวุธประชิดน้ำหนักมากจะได้ผลมากกว่า
ดาบยาวคู่แบบซามูไร ถึงแม้ว่าการฟันทั่วไปจะสามารถทำอัตรายให้เกราะ Nano
Laminate ได้ แต่ทว่าหากเชี่ยวชาญมากพอการฟันเข้าไปในจุดที่ไม่มีเกราะหุ้มเช่นข้อต่อนั้นจะสามารถตัดให้ชิ้นส่วนของ
MS ขาดได้
Auto Cannon ติดตั้งที่แขน ถึงแม้จะใช้เผด็จศึก MS ไม่ได้
แต่ก็ทำให้ถอย หรือเสียหายหากยิงระยะประชิดได้เหมือนกัน
จริงๆแล้วบาบาทอสทำเสร็จช่วงสงกรานต์โดยอิงจาก Astay Red Frame
และตั้งใจทำดีไซน์แบบ
Mars Jacket เป็นMSที่ใช้ความเร็วเข้าฟันศัตรูดูคล้ายๆนินจา แต่ทว่าไปๆมาๆรู้สึกว่ามันจืดๆชอบกลแทบไม่เปลี่ยนจากต้นแบบเลย
ไปๆมาๆก็เลยนั่งแก้ใหม่ เพิ่มเกราะไหล่ขนาดใหญ่และง้าวยักษ์ (ตอนแรกมีแค่ดาบกะแบ็คแพค
และเกราะเอวใหม่ ส่วนใหล่ก็ธรรมดา) กะให้กลายเป็นซามูไร ใช้รูปแบบของ Shin
Musha ผสมกับไหล่บูสเตอร์แบบ AS Blaze Raven เลยเสียเวลาเพิ่มไปอีกครึ่งเดือน
การทำสีใช้โทนแบบ Astray Red Frame ใช้สีแดง Redmadder ตอนแรกกะทำแดงเมทัลลิค
แต่หาสีเคลีย์เรดไม่ได้ เลยตัดใจ (เสียดายนิดๆ แต่ขี้เกียจแล้วอะ)
สีขาวกับสีดำธรรมดา แล้ววอชปิดงานด้วยสีแดง ค่อนข้างพอใจกับผลงาน
แต่ก็รู้สึกแย่ตอนทำโมเพราะพบว่าข้อต่อส่วนใหญ่ต้องอัดกาวเพิ่ม วัสดุพลาสติคของกันพลารุ่นหม่ๆเป็นพลาสติคนิ่ม
ตัดเฉือนสบายประกอบง่ายก็จริง แต่เรื่องความคงทนระยะยาวไม่ไหว แล้วผมเพิ่มเกราะเข้าไปถ้าไม่อัดกาวนี่ไหล่ตกเป็นคนหมดแรงถือง้าวก็ไม่ไหว
อยากได้พลาสติคแข็งแบบเดิมกลับมามากกว่า (พาร์ทเสริมผมเอามาจากโมจีนบางส่วนยังแข็งกว่าเลย)
จริงๆก็มีแผนจะทำกรูเซออนต่อแต่ไอเดียยังตันๆ ไว้มีไอเดียค่อยทำต่อ
ไม่ก็อาจข้ามไปตัวอื่นก่อน อีกเรื่องก็อยากตั้งชื่ออื่นแทนอย่าง ไอม์, แอสโมเดอุส เอลิกอร์
แต่กลัวบันไดบ้าจี้ออกครบ 72 lesser key of Solomon จริงๆคงรู้สึกหงุดหงิด
เลยเอาเป็นบาบาทอสเหมือนเดิมนี่แหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น