yunaW1

yunaW1

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564

[FAG] Stylet XF-4 ลายทางทะยานฟ้า

 


FAG Stylet เป็น FAG ชุดแรกๆที่วางขายของ Kotobikiya โดยนำเอา Frame Arm Stylet มาผสมกับสาวน้อย นับเป็นพลาโมเดลสาวน้อยใส่เกราะชุดแรกๆที่มีวางขายทั่วไป ก่อนจะออกสีอื่นๆเช่น A.I.S Color จากการโคลาโบกับเกม PSO2 และ Stylet Blue Impulse โคลาโบกับเครื่องบินไข่ และออกแบบ Upgrade เป็น XF-3 และ XF-3 Low visibility color



Stylet XF-3 มีการอัพเกรดเพิ่มเติม นอกจากในเรื่องของอาวุธและรูปทรงบางส่วนเช่นเกราะอดและเขาแล้ว ยังมีการปรับปรุงในส่วนข้อต่อสะโพกทำให้ขยับยกขาได้มากขึ้นและสามารถยกขานั่งคุกเข่าได้ด้วยข้อต่อแบบเดียวกับของโกไรไค ที่พัฒนาต่อจาก มาเทเรียที่เป็นรุ่น2อีกที


Stylet XF-4 เป็นคัสต้อมอัพเกรดโดยเพิ่มบูสเตอร์และปีกขนาดใหญ่ เพื่อให้ต่อสู้บนฟ้าได้ดีขึ้น


Smart Gun ปืนเลเซอร์พลังสูง


โดรนติดอาวุธ

มีดพับที่เก็บไว้ที่เกราะแขน


มิดไซล์ที่ติดใต้ปีก



ผมได้โมให้สตีลโกะสามารถถอดเกราะได้ เนื่องจาก XF-3ที่ผมได้มานั้นเป็นตัวปกติไม่มีผมแบบไม่ใส่เกราะให้แบบ Low Visibility แต่โชคดีที่ผมได้แบบมีผมสีใสโบนัสพาร์ทโคโตชอป เลยเอาผมที่เพิ่มมาปั้นเพิ่มให้เป็นผมแบบถอดเกราะ และเอาชิ้นส่วนของ Pretty Armor มาโมเพิ่มเอา และทำกระโปรงหน้าให้ถอดใส่ และทำชิ้นปิดเมื่อถอดเอา


สตีลโกะผู้ชอบทำความสะอาดอุปกรณ์หลังใช้งาน

 

ทำงานเสร็จแล้วก็หิวแล้ว จัดข้าวปั้นไปก้อนใหญ่ๆ

นั่งซดชาอย่างสบายใจ


ลองใส่ชุดกระโปรงให้ดูเรียบร้อย


เจอกับเพื่อนใหม่


สตีลโกะทำอะไรลงไป 
สติลโกะ "หนูไม่ได้ทำน้า"


Stylet is sus
สติลโกะ "ม่ายยยย"


งานนี้ขอบคุณ คุณ Thitichai ที่อุตส่าห์ขายให้ตอนกำลังนั่งหาเพราะตอนนี้เจอแต่ตัว Low visibility แต่ผมอยากได้สีฟ้าแบบOriginal มากกว่า (ผมเปลี่ยนสีได้แต่ตามันต้องไปหาดีคอลมาเปลี่ยน) งานโมก็ทำสีแบบปกติ White/Cobalt blue / german grey / grey ตอนแรกนึกว่ากันพ่นไม่เยอะ ไปๆมาๆจุดเล็กจุดน้อยเยอะกว่าที่คิด และถึงจะขยับสะโพกดีขึ้นแต่เวลาใส่เกราะเต็มก็ติดๆขัดๆ จนขยับมากไม่ได้ จุดที่แย่ที่สุดของโมคงเป็นบูสเตอร์ของโดรนที่หลังใช้แกนรับบางจนมีโอกาสแตกได้ง่ายมากถ้าทำสีแน่นเกิน แต่ไม่ทำสีก็หลวม ปีที่เสริมมาเอามาจากMD โซลแรพเตอร์ที่ซื้อเอามาทำบอดี้ให้ ซาร่า จริงๆยังมีสไตเล็ทเก่าอยู่คงได้เอามาโมเพิ่มทีหลัง ส่วนตัวเลือกทำตัวนี้เป็นตัวแรกเพราะชอบสตีลโกะตรงซึนๆ+ต๊องๆน่าแกล้งละมั้ง ฮา


วัยรุ่นทำอะไรอะ
สตีลโกะ "หนูแค่เก็บของ มาสเตอร์นั่นแหละถ่ายอะไรอะ อย่านะ"

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

HGUC Build V2 Assault Striker

Build V2 Assault Striker เป็น V2 Gundam ที่ปรับแต่งสำหรับการรบระยะกลางและประชิด โดยใช้ V2 Assault Buster เดิม แล้วถอด Mega Beam cannon สำหรับยิงระยะไกลที่ปีกขวาออกแล้วเปลี่ยนเป็น Beam Spray Pod สำหรับยิงลำแสงลูกปรายสกัดระยะกลางและใกล้แทน ส่วน Mega Beam Rifle ก็เปลี่ยนเป็น Beam Lance สำหรับต่อสู้ระยะประชิด และ เปลี่ยน Mega Beam Shield เป็น Sword Bit Shield สำหรับจู่โจมแทน





 จริงๆแล้วตอนแรกแค่ตั้งใจเปลี่ยนแค่ Mega Beam Cannon ที่ไหล่ แต่พอดีเหลือซาก 00Q ประกอบกับเล่น Gundam Breaker3 แล้วติดใจการผสม V2AB กับ 00 เพราะ V2ABนับเป็นหุ่นที่มีอาวุธเสริมรอบตัวเยอะมากโดยเฉพาะขาก็มีทั้ง มิดไซล์ VSBR ขณะที่หุ่นอื่นไม่มีขาดแต่อาวุธประเภทฟันเนล หรือบิท พอติดเข้าไปก็มีอาวุธใช้งานครบทุกแบบเลย

เพื่อให้ได้ Beam Sprey Pod 2ข้าง ก็เลยต้องซื้อซาก V2ab มาอีกตัว ซึ่งตอนนี้เอาไปใช้ทำชิ้นส่วนเรียบร้อย


น่าเสียดายที่ 1/144 VSBR เปิดไม่ได้


ก็น่าแปลกใจทั้งๆที่อาวุธประเภทฟันเนลนั้นไม่ได้ติดตั้งในหุ่นของสหพันธ์เลยเลยตั้งแต่ยุค F-91  มีแค่ในหุ่นระดับบอสตัวร้ายแค่บางตัว อาจจะเพราะหานักบินที่ตอบสนองยากละมั้ง


V2AS ตัวนี้นอกจากเปลี่ยนอาวุธแล้วมีการโมเพิ่มส่วนสูงช่วงต้นขาและเอวให้ดูผอมเพรียวขึ้น 

อีกสาเหตุที่โมให้หลุดจาก UC ไปBuild เลยคงเป็นเพราะมี Robot V2AB อยู่แล้ว จะเห็นว่า Robot ดูผอมเพรียวกว่ามาก ในขณะที่ HGUC ดูเตี้ยๆตันๆ 
เทียบกับ V2AB และ V Dash งาน Robot


เทียบขนาดกับหุ่นยุคสงคราม1ปี V2ดูเล็กไปเลยสมกับเป็นหุ่นรุ่นเล็กความเร็วสูง



ภาพก่อนติดเกราะ V2เป็นตัวนึงที่บันไดทำออกมาได้ดีมากในเรื่องข้อต่อของตัวโม ศอกแขนเข่าแน่นหนาดี แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ข้อต่อขนาดเล็กทำให้หักง่าย โดยเฉพาะแกนสีเทาเชื่อมปีกกับตัวด้านหลังที่พอติดของเต็มชุดแล้ว ที่แกนเล็กมาก ของผมนี่พอล้มผิดทีหักเลยซ่อมแล้วล้มอีกหักอีก นี่กะจะโละแกนเดิมที่เป็นแบบแกนแบนแล้วฝังแกนใหม่เลยแทนเหมือนกัน

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ASW-G-29 Gundam Astaroth Rinascimento Spada

ASW-G-29 Gundam Astaroth หนึ่งในกันดั้มเฟรม72เครื่อง หลังจบสงครามกลายเป็นสมบัติของตระกูลวอเรน ก่อนตระกูลวอเรนจะประสบปัญหาการเงินจนต้องนำมาแยกส่วนขายเป็นชิ้นๆ และสุดท้ายถูกแดดดี้ เทด หัวหน้ามาเฟียกลุ่ม ทันโทเทมโปซื้อกันดั้มที่เหลือแต่เฟรมไปประกอบเกราะ  วอลโก้ วอเรนต้องการซื้อคืนแต่ทว่า อากี้ มิราจ นักฆ่าที่ถูกจ้างมาฆ่า แดดดี้ เทดมาถึงซะก่อน ก่อนจะได้ทำอะไรก็มีนักฆ่าอีกคนนำ MSเข้ามาโจมตีทำให้แดดดี้ เทด ยอมให้อากี้ขับแอสทารอทออกไปสู้ ถึงจะชนะได้แต่แดดี้ เทดก็บาดเจ็บหนักจึงฝากฝังให้ทั้งคู่คุ้มครองลูกสาว เรียรีน่า โมลกาต้อน แทน  ภายหลังที่วอลโก้ประกอบเกราะเดิมที่ชิงคืนมาได้ใส่ให้แอสทารอทแต่ทว่า ก็โดนขโมยไปอีกจนต้องไปตามซื้อคืนแบบไม่มีเกราะอีก จึงประกอบเกราะใหม่และกลายเป็น  Gundam Astaroth Rinascimento





หลังจากนั้นได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติมอุปกรณ์เพิ่ม โดยติดตั้งบูสเตอร์ขนาดใหญ่ที่หลังซึ่งสามารถปรับมุมได้หลายทิศทาง แขนกลเสริม ชิลด์อาร์มเป็น2ข้าง และบัสตาร์ดชอปเปอร์สำรองอีก1อัน รวมไปถึงอาวุธเสริม ทำให้มีกำลังขับมากขึ้น


อาวุธ

Short Knife 4เล่ม



Demolition Knife



Rifle X 2


Demolition Knife + Bastard Chopper



เทียบสเกลกับตัวอื่นที่เคยทำสีไว้



เจอกับ Cerberus Rex




โมให้เปิดปิดช่องทรัสเตอร์ได้



เป็นตัวที่ทำสีเสร็จช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ขี้เกียจถ่ายรูปเลยไม่ได้ลงผลงานทิ้งไว้แบบนั้น คงเพราะเหนื่อยๆปนขี้เกียจ ฮา  เป็นตัวที่3ในซีรี่ย์ IBO ที่ทำสี ใจจริงอยากทีอีกหลายตัวเช่นเบ๊ไว้ให้ Cerberus Rex ทุบเล่น ฮา แต่ก็อยากทำอย่างอื่นบ้าง ตัวโมไม่ได้ทำอะไรเยอะมีเพิ่มบูสเตอร์กะแพคหลังไว้ติดแขนกลแทนที่ไหล่ และเอาเกราะร่างแรกมาผสมๆบ้าง สีตอนแรกสีขาวทำขาวล้วน แต่ดูจืดไปเลยเติมสีเทาไปอีกหน่อย 


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2564

[Review] Moderiod: Go Gaiking The Great: นามนั้นหรือคือ Gaiking The Great


ต่อจาก

เมื่อต้องต่อสู้กับ Proist พวกไดยะแม้จะมี ไกคิง บัลคิง และ ไรคิง แล้วก็ยังไม่อาจสู้ได้ ทุกคนจึงรวมพลังกันกำเนิดร่างสุดยอด Gaiking The Great



การรวมร่างจะใช้ส่วนบนของไรคิง และส่วนล่างของบัลคิง


ถอดขาออกจากสะโพก แล้วหมุนเอาต้นขาออกมา



ส่วนสะโพกหมุนแกนสะโพกลงมาเพื่อให้สะโพกแคบลง

ประกอบเป็นส่วนขา


ส่วนด้านบนจะถอดพาร์ทเสริม เปลี่ยนพาร์ทข้อมือสีฟ้า และพาร์ทข้อศอกสีฟ้าออก


ประกอบรวมกันเป็น Gaiking The Great


สามารถกางปีก G Wing ได้


ข้อขยับเมื่อรวมร่างจะเห็นว่างอศอกและเข่าได้แค่90 ซึ่งน้อยกว่าร่างปกติ 



ด้วยข้อขยับที่ลดลงทำให้ขยับได้ดูแข็งไปนิด


ยังคงเปลี่ยนพาร์ทเพื่อ Face Open The Great

  



เอา กีกันตาครอส มาทำท่ายิง ไฮโดรเบรเซอร์ กีก้าเบิสนั้น เอาจริงๆคือมันถือไม่ได้ จัดท่ายากมาก เลยเอาลวดมาสอดไว้ตรงกลาง แล้วมัดกับข้อมือ แบบนี้จัดท่าได้สวยเลย

เอาหอก โล่ของไกคิง กับขวานของบัลคิงมาประกอบเป็น Gun Axe ได้


เอาพาร์ทที่เหลือไปประกอบเป็นตัวอื่นๆแบบตามใจฉันได้อีกเพราะจอยท์แบบเดียวกันหมด



เทียบกับ 1/144


เสียดายมือแบบไว้ทำท่าเดสเปอไซท์ไม่มีรูติดเอฟเฟกท์อะไรเลย ได้แต่เอาเอฟเฟกท์อื่นๆมาติดด้วยUhutagแบบง่ายๆ



โดยรวมทำออกมาได้ดีในระดับนึงสีที่ทำมาให้พร้อมก็ทำให้ไม่ต้องทำสีเองก็สวยได้ จุดอ่อนของร่างรวมหลักๆคงเป็นการขยับที่น้อยลงเช่นเข่า ศอก และไหล่กับเขาติดขัดเวลาขยับพอดู ต้องจัดท่าดีๆ และ กีกันต้าครอส ที่พอประกอบเตรียมทำท่า ไฮโดรเบรเซอร์กีก้าเบิสท์ มันถือไม่ได้เลยจัดท่ายากมาก ใจจริงอยากให้มีเอฟเฟกท์ เดสเปอไซส์ หรืออย่างอื่นมาด้วย แต่รวมๆก็ค่อนข้างถูกใจกับโมตัวนี้