yunaW1

yunaW1

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[Review Robot Spirit] Rk-02 Scepter Sanjou Kikuno Ver. กบเทพจากรัซเซีย




RK-92 Savage ของสหภาพโซเวียตนับว่าเป็น AS ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายสูงสุดในบรรดา AS รุ่นที่2 แต่หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย Zeya Design Bureau ก็มีการพัฒนา AS รุ่น3 ที่เน้นความคล่องตัวมากขึ้นโดยพัฒนาสายการผลิต ZY-98 Shadow ที่มีสมรรถนะพอๆกับ M9 Gernsback ของบริษัทGeoTron Electronics เพื่อเข้าแข่งในตลาด ASรุ่น3 และนำเข้าประจำการในกองทัพรัซเซียทดแทนRK-92 ในขณะที่ OKB Ryaka Corporation หรือเดิมคือ Ryaka Design Bureau ผู้ผลิตRK-92 Savage ยังคงใช้โครงแบบซาเวจพัฒนา AS รุ่นที่3 ในสายการผลิต RK-02 ที่ตรงข้ามกับ ASรุ่นที่3อื่นๆ โดยเน้นที่เกราะและความสามารถในการติดอาวุธหลากหลาย เน้นอำนาจการทำลายแทน แต่ทว่าในขณะพัฒนาสหภาพโซเวียตล่มสลายทำให้ขาดงบประมาณ จึงมีการผลิตออกมาจำนวนน้อย

RK-02 Scepter ถูกออกแบบให้ตรงข้ามกับความนิยมของASรุ่นที่3ที่เน้นความเร็วและคล่องตัว โดยเน้นที่เกราะหนาและอำนาจการยิง รวมไปถึงระยะเวลาปฏิบัตการที่นานกว่าASในรุ่นเดียวกัน ซึ่งM9มีระยะเวลาปฏิบัติการต่อเนื่อง180นาที แต่ RK-02สามารถปฏิบัติการต่อเนื่องได้ถึง280นาที ในขณะที่เกราะหนักกว่าASยุคเดียวกันแต่ Max Speed ทำได้ถึง150km/hr (M9 200 km/hr แต่ถ้าเป็นรุ่นเกราะหนักทำได้ 150km/hr) และ Max Jump ทำได้ถึง 35m (M9 40 m แต่ถ้าเป็นรุ่นเกราะหนักทำได้ 25m) แถมยังปฏิบัติการได้ในทุกพื้นที่เช่นเดียวกับซาเวจ เรียกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับASอื่นๆในรุ่นที่3ก็จัดได้ว่าอยู่ใน Top Class นอกจากนี้มีจุดเด่นที่ระบบ คาดูวก้า แขนที่สามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมได้หลากหลายตามภารกิจ แต่ทว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นประเทศโลกที่3 ซึ่งนักบินมีความคุ้นเคยกับซาเวจดี แต่กำลังทรัพย์น้อยทำให้ยอดขายไม่ดีนัก เมื่อเทียบASรุ่นอื่นๆ เช่นM9 ที่มีลูกค้าหลักๆคือกองทัพอเมริกา Shadowของรัซเซีย และประเทศอื่นๆในยุโรปก็มีการพัฒนารุ่นที่3ของตัวเองเช่น Wolfของเยอรมัน  ส่วนฝรั่งเศษใช้มิสทรัล2ที่เป็นรุ่นที่2 แต่ก็แอบพัฒนารุ่นที่3อย่างCenturia และยังคงมีประเทศที่ยังใช้รุ่นที่2อย่างอังกฤษที่ยังใช้ไซโคลน2ที่มีสมรรถนะสูง และสวีเดนใช้Goblinที่พัฒนาต่อจากRK-92

RK-02 Scepter ของ ซันโจ คิคุโนะ จะใช้สีม่วงที่เป็นสีเฉพาะตัวของเธอ ซึ่งเธอเลือกจะติดแขนกล Tactical Arms สำหรับต่อสู้ระยะประชิด ส่วนน้องชายของเธอ ซันโจ อากิระ จะใช้สีน้ำตาลแบบทะเลทรายและติดตั้งอาวุธหนักอย่าง Grushin AT-19 multipurpose missile และ Gatling Arms






ข้อขยับขยับได้เยอะผิดกับรูปร่างที่ดูตัน ช่วงแขนด้านบนมีข้อขยับบอลจอยท์หลายข้อ ขยับได้ดีถึงจะไม่แน่หนาถึงขนาดยกของหนักๆได้แต่ก็จัดท่าได้ไม่ยาก ข้อเข่าพับได้ไม่มากเท่าตัวอื่นเนื่องจากดีไซน์ ส่วนเอวและลำตัวสามารถเปิดเกราะและมีข้อขยับหลายจุดจึงก้มเงยได้ ด้านหลังจะมีรูสำหรับติดฐานอยู่ด้านในเกราะ

ของที่มีมาด้วย แขนกล กล Tactical Arms สำหรับต่อสู้ระยะประชิด คัตเตอร์โมเลกุล2เล่มพร้อมปลอกถอดเข้าออกได้ ปืนกลติดศอก มืออีก8คู่ มือกำ1คู่ มือถืออาวุธ3คู่ แต่ละคู่จะมีองศาการถือไม่เท่ากัน

Urajimirov KPV 14.5mm machinegun อุปกรณ์เสริมติดตั้งที่ศอก





ทั่วตัวของ Scepter มีจุดติดอาวุธ Hardpoint สามารถติดอุปกรณ์ได้หลายอย่าง (แต่มีมีดมาให้2เล่ม) ดาบค่อนข้างหลุดออกจากปลอกได้ง่าย ผมเลยยัด uhu patafix ลงไปในปลอก ติดแน่นดี ดึงออกมาได้ง่ายด้วย





คัตเตอร์โมเลกุลเดี่ยว อาวุธประชิดพื้นฐานของ AS จะเห็นว่ามือซ้ายและขวานั้นเป็นมือคนละแบบ องศามีดคนละแบบ แต่ก็ไม่ได้ต่างมากนัก



Tactical Arms แขนกลต่อสู้ระยะประชิด มีกรงเล็บสำหรับโจมตีประชิด และยิงกระสุนสำหรับโจมตีระยะไกลได้

ถ่ายคู่กับกบโจรสลัด

ในที่สุดคอมมิคเล่ม3ก็ออก เลยได้ฤกษ์เข็นออกมารีวิวซะเลย ตอนแรกกะว่าจะเอามาเปลี่ยนสีพออ่านข้อมูลเลยรู้ว่านี่มันสีสำหรับ ACE เลยไม่เอาดีกว่าเสียดาย ถึงจะได้มาถูกก็เหอะ (ฮา) เลยยังปล่อยให้เป็นสีเฉพาะของ ซันโจ คิคุโนะ นักบิน AS ที่มักทำงานให้ผู้ก่อการร้าย


ตัวของเล่นทำออกมาได้ดี รายละเอียดดี ข้อขยับจัดท่าได้เยอะถึงจะไม่เท่าตัวอื่นเพราะติดดีไซน์ ผมตัดเส้นดำเพราะอยากให้ดูดุดันขึ้น เพราะสีตัวค่อนข้างหวานไม่โหดแบบรูปร่าง บันไดออกตัวลิมิตของน้องชายสีน้ำตาลติดแกตลิ่ง โล่ มิดไซล์พอดมาด้วยสวยเข้ากับรูปร่างมาก แต่ราคาก็โหดอยู่

ข้อมูล AS อื่นๆ


Cyclone2 ASยุค2 ของอังกฤษ ผลิตโดยบริษัท อัลวิส  เวสท์แลนด์ ขึ้นชื่อว่าเป็น ASยุค2ที่มีประสิทธิภาพสูงติดอันดับต้นๆ


Mistral2 ASยุค2 ของบริษัท จีอาร์ทTTO ของฝรั่งเศษ


Arcenciel ASยุค3ของบริษัท จีอาร์ทTTO ที่เริ่มนำเข้าประจำการของฝรั่งเศษ

Goblin ASยุค2ของสวีเดนที่พัฒนามาจากซาเวจ


รุ่น96 ASยุค2 ของญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มจะนำเข้า M-9 ของบริษัทจีโอตรอนเข้ามาประจำการแทน ทำให้ผู้ผลิต Blaze Raven ต้องรีบเข็นให้ Raven Series เข้าทดสอบการใช้งานจริง เพื่อให้Ravenได้เข้าประจำการแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

Centuria ของบริษัท Geotron Mechanic
AS ของ มิไฮลอฟ หัวหน้าของคิคุโน ซันโจ (ดูยังไงๆก็ centuria ของจีโอตรอน)

Wolf ของเยอรมัน เป็น AS ที่มีค่าบำรุงรักษาสูง พอๆกับประสิทธิภาพ

Wolf ของยูซุฟ เจ้าชายอาหรับคู่แข่งพระเอก มีการเสริมดีเทลตกแต่งตามแบบของยูซุฟ

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Review Robot Spirit] As-1 Blaze Reven จิตวิญญาณแดนอาทิตย์อุทัย




เนื้อหามีการสปอยล์เนื้อเรื่องด้านเมคานิคและเนื้อหาบางส่วน เนื่องจากคอมมิคในไทยปัจจุบันพึ่งโผล่มา

Full Metal Panic Another ภาคต่อเนื่องจากภาคหลักจบไป10ปี กล่าวถึงเรื่องราวของ อิจิโนเสะ ทัตสึยะเด็กหนุ่ม ลูกชายเจ้าของบริษัทก่อสร้างที่หัดขับหุ่นก่อสร้างมาตั้งแต่เด็กๆและจับพลัดจับพลูต้องมาเป็นนักบินASให้บริษัททหารรับจ้างD.O.M.S.(Dana O'shee Military Service)เพื่อช่วยบริษัทของพ่อ และทหารสาว อเดลีน่านักบินASฝีมือดีของบริษัท D.O.M.S. (สลับคู่จากหนุ่มบ้าทหารกับสาวน้อยปกติ เป็นเจ้าหนุ่มปกติกับสาวน้อยบ้าทหาร) ปัจจุบันคอมมิคออกมาถึงเล่ม 7 พี่ไทยค้างเล่ม2

D.O.M.S.(Dana O'shee Military Service) บริษัททหารรับจ้าง(PMC:Private Military Corps) ติดอันดับ1ใน10ของโลก บริษัทตั้งอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา ติดด้านตะวันออกของLAใกล้ ฟอร์ดเออร์วินฐานฝึกซ้อมทหารของอเมริกา มีประธานคือเมลิซ่า เหมา อดีตนักบินASของมิธริล และสามีของเธอโดยเริ่มจากใช้อุปกรณ์ที่เหลือของมิธริล และอมัลกัมที่เก็บกู้มาได้ พร้อมทั้งบุคลากรจากมิธริลเดิม ให้บริการด้านการฝึกซ้อมทหาร และการคุ้มกัน โดยเฉพาะการซ้อมรบด้วยAS และกลายเป็นที่กล่าวขวัญในวงการ โดยมีลูกค้าหลักๆคือกองทหารอเมริกาและชาติในNATO



AS-1 Blaze Raven AS ที่พัมนาโดย บริษัทญี่ปุ่น EHI manufacturing เป็น AS รุ่น3ตัวแรกของญี่ปุ่น แต่ทว่าด้วยปัญหาทางการเมือง ทำให้โครงการทดสอบใช้งานจริง และโครงการผลิตจำนวนมากเพื่อทดแทนรุ่น96ของJSDFถูกระงับ จึงมีการหาช่องทางทดสอบโดยการใช้ช่องโหว่กฎหมายขายให้บริษัททหารรับจ้างเช่น D.O.M.S. เพื่อนำไปทดสอบใช้งานจริงในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก และใช้ชื่อ Blaze Raven เพื่อเป็นการปกปิดที่มาของหุ่น จากเดิม AS-1 โดยเครื่องสีน้ำเงินกลายมาเป็น AS ประจำของ ทัตสึยะ และสีแดงเป็นของอเดลีน่า



ข้อขยับทำออกมาได้อิสระมาก ขยับได้เยอะ สะโพกยกได้สูง เข่าและศอกงอได้สุด แต่ก็มีปัญหาเรื่องความแน่นหนาในบางจุดเช่นสะโพกที่หลวมง่ายและไหล่ที่หลุดง่ายก็จับทากาวช้างและลาเท็กซ์เสริมตามความเหมาะสม

ของที่มีในกล่อง มือแบ มือถือดาบ มือถือปืน มือแบบแบบจับปลอกดาบ อย่างละคู่ ฮาร์ทพอยท์เสริมสำหรับติดดาบที่หลัง ชิ้นสำหรับติดฐาน และดาบคัตเตอร์โมเลกุลเดี่ยวทรงคาตานะ

ชิ้นติดหลังเป็นสีเทา ทั้งๆที่น่าจะเป็นสีดำ น่าเสียดาย


คัตเตอร์โมเลกุลเดี่ยวToshiba Type 10 สามารถติดที่ข้างสะโพก หรือจุดติดเสริมที่หลังก็ได้ แรกๆเดือยเหมือนแน่น ตอนนี้ใส่ไม่หลุดง่ายถ้าไม่ขยับเยอะๆแต่ก็ไม่ได้แน่นมาก


อาวุธที่มีมาให้มีเพียง ดาบคัตเตอร์โมเลกุลเดี่ยวทรงคาตานะ เล่มเดียว แต่ดันให้มือถือปืนมาด้วย เพราะชุดอาวุธมาพร้อมตัวลิมิต ZY-99M Shadow (ลิมิตอีกแล้วบันได)
Agile Thruster ที่ไหล่ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะแบบเกราะญี่ปุ่น ขยับได้อิสระพอสมควร และเปิด ปิดทรัสเตอร์ได้ เป็นกิมมิคข้อขยับที่ทำได้ดีมากและสวยมากด้วย


เอาปืน Oto/Melara Boxer2 76mm Smoothbore Cannon ของเลวาทีนมาถือไปพลางๆก่อน

เทียบกับเลวาทีนและกบม่วง


บู๊กันซักหน่อย                                                                                                        


AS-X Raven Series เป็น AS รุ่น3ที่พัฒนาโดยบริษัทญี่ปุ่น EHI manufacturing  ซึ่งแต่เดิมเป็นผู้ผลิตอาวุธและอุปกรณ์สำหรับ AS ของ JSDF (Japan Self-Defense Forces:กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น) แต่ทว่าไม่สามารถขยายไปตลาดต่างชาติได้เนื่องจากขาดการทดลองในสภาพแวดล้อมทั่วโลก ทำให้มีการคิดค้น Raven Series โดยมุ่งจะทำการตลาดในระดับโลก จึงได้หาช่องทางที่จะนำไปใช้ทดสอบภาคสนามจริงและได้ส่งออกไปจำนวนหนึ่ง Raven Series นับได้ว่าเป็น AS ที่ใช้เตาพลังงานพาราเดียมรีแอคเตอร์รุ่นแรกของญี่ปุ่น(ของเดิมเป็นแก๊สเทอร์ไบน์เอนจินแบบรถถัง) แต่ด้วยข้อตกลงระหว่งประเทศ ทำให้ไม่สามารถติดอาวุธเก็บในตัวหุ่นได้(เช่นวัลแคนบนหัวของM9 หรือ มีดต่อต้านรถถึงซึ่งASหลายๆรุ่นจะซ่อนไว้ในตัวหุ่น) นักพัฒนาพยามใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปทั้งดีไซน์แบบเกราะญี่ปุ่น และอาวุธประเภทดาบ เพื่อเป็นการโฆษณาแบบอ้อมๆให้ทั่วโลกรู้ถึงการมีอยู่ของ AS ของญี่ปุ่น



ด้วยข้อมูลตามแบบแปลนของRaven Series นั้นนับได้ว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ ASรุ่น3ทั่วไป ต่ำกว่า ZY-99 Shadow รุ่นลดสเปคของรัซเซียเพื่อการส่งออกซะอีก แต่กลับมีค่า Output ของพาราเดียมรีแอคเตอร์สูงมากจนผิดปกติ เพื่อใช้กับAgile Thruster ที่ไหล่ ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 350km/hr (มากกว่า M9 1.75เท่า) และกระโดดได้สูงถึง400m (M9โดดได้30-40m) ได้ ด้วยเทคโนโลยีArch Jet Engine  ซึ่งปกติจะใช้ได้เฉพาะในอวกาศ แต่ด้วยกำลังขับมหาศาลของพาราเดียมรีแอคเตอร์ในตัวRaven Series ทำให้ใช้ในชั้นบรรยากาศได้  ทำให้สามารถเปลี่ยนทิศกลางอากาศได้ ร่อนได้ แต่ระบบดังกล่าวก็กินพลังงานมากทำให้ใช้ได้แค่10วินาทีแล้วต้องใช้เวลาชาร์จอีก และการควบคุมยังใช้ระบบควบคุมด้วยมือและระบบจับเรตินาของนักบิน ทำให้มีความยากในการใช้และยังเกิดประกายแสงขณะใช้ทำให้ตกเป็นเป้าได้ง่าย  

AS-X Raven Series Variation

Blaze Raven Kai รุ่นรบระยะประชิดและกลาง

Blast Raven รุ่นเพิ่มอำนาจการยิงระยะไกล

Phantom Raven รุ่นเกราะเบา

Aegis Raven รุ่นเกราะหนัก เน้นการป้องกัน และโจมตีประชิด และสนับสนุน
Raven ทุกรุ่นติดตั้ง TAROS Lambda Driver ซึ่งลอกเลียนแบบมาจากซาก ARX-7 Arbalest ที่โดนเบเรียลของเลโอนาร์ดทำลาย แต่เนื่องจากไม่มีเวลาในการตรวจสอบมากพอก็ถูกชิงกลับโดยพวกมิธริลไปสร้าง ARX-8 ทำให้เลียนแบบได้บางส่วน รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานของAS ทำให้ออกมามีลักษณะคล้ายกับ ARX-7 ในด้านระบบ TAROSเองก็ทำได้เพียงจับคลื่นสมองนักบินแปลงเป็นคำสั่งสนับสนุนการบังคับเท่านั้น ไม่สามารถสร้างพลังงานจากจินตภาพได้ แต่นั่นก็ทำให้การเคลื่อนไหวตอบสนองเร็วกว่า ASทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาคับขัน และการควบคุมขณะเร่งความเร็วด้วย Agile Thruster


สำหรับตัวนี้ผมตัดเส้นสีดำเพิ่มเพราะตัวที่มาดูจืดมาก ด้านรายละเอียดนับว่าบันไดทำมาดี แต่เสียแค่ของที่ให้มาน้อยมากเพราะช่วงที่บันไดวางขายก็ยังมีข้อมูลไม่มากนัก แต่ดูจากชิ้นฮาร์ดพอยท์ก็เดาได้ว่ามันติดอะไรเพิ่มได้เยอะมาก ที่แย่คือนอกจากหอก Dragon Fly ที่ไปแถมกับกล่องลิมิตของ ZY-99M เพราะออกมาทีหลังแล้ว ปืนก็ดันไปแถมกับชาโดว์อีกทั้งๆที่ปืนช็อตกันมันของพื้นๆแท้ๆ ด้านข้อขยับจัดท่าได้เยอะแต่ก็รำคาญบางจุดเช่นชิ้นเข่าหลุดง่ายเลยยัดกาวซะเลย และข้อต่อบางส่วนเล่นมากๆก็หลวมต้องจัดกาว น่าเสียดายคนแต่ง FMP ไปง่วนทำ Amagi Brilliant Park ไม่ได้ทำอนิเมให้จบๆ ภาค Another ที่ต่อมาก็หมดสิทธิโดยปริยาย ไม่งั้นสปอยล์เละ โอกาสที่ร่าง2จะออกทามาชี่ก็หมดไปด้วย ไหนจะหุ่นตัว2ที่ว่ากันว่าอาจเป็นรุ่น4อีก